เปิดในหน้าต่างใหม่
Phillip Stollenmayer จาก “Song of Bloom,” Samantha John จาก Hopscotch และ Adam Oxner และ Fares Ksebati จาก MySwimPro
ธุรกิจขนาดเล็กที่มีรายได้สูงสุด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีสิทธิ์รับอัตราค่าคอมมิชชั่น 15% ผ่านโครงการสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน App Store ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของอัตราคอมมิชชั่นมาตรฐานของ App Store
ผู้เข้าชม App Store จำนวน 500 ล้านคนใช้งานแอพ 1.8 ล้านแอพทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นเกมอินดี้อย่าง "Song of Bloom" แอพโค้ชฟิตเนสทางไกลอย่าง MySwimPro ไปจนถึงแอพเขียนโค้ดสำหรับเด็กอย่าง Hopscotch ซึ่งหลายแอพถูกสร้างโดยนักพัฒนาอิสระที่มีไอเดียหลักเหมือนกัน บ่อยครั้ง นักพัฒนาเหล่านี้สามารถทำงานเต็มเวลาซึ่งช่วยสมทบทุนงานสร้างสรรค์ต่างๆ จนกว่าจะเปิดตัว
ตั้งแต่เริ่มเปิด App Store ธุรกิจขนาดเล็กก็เป็นแรงขับเคลื่อนหลักมาตลอด และในปัจจุบัน ธุรกิจเหล่านี้ก็เป็นหัวใจของชุมชนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี มีปฏิสัมพันธ์และเรียนรู้สิ่งต่างๆ วันนี้ Apple เปิดตัวโครงการสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน App Store ซึ่งมีโครงสร้างด้านคอมมิชชั่นใหม่เพื่อสนับสนุนนักพัฒนารายเล็กและรายย่อย รวมถึงส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมสำหรับแอพในขั้นต่อไป
Philipp Stollenmayer นักพัฒนาเกมอินดี้
Philipp Stollenmayer นักพัฒนาเกมอินดี้ที่มีเกมใน App Store 20 เกม รู้สึกตื่นเต้นที่โครงการสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน App Store จะช่วยครีเอเตอร์รุ่นใหม่เปิดตัวเกมของตัวเองที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์
"นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ที่เกมแนวอินดี้จะได้มาอยู่บนอุปกรณ์เคลื่อนที่จริงๆ" Philipp Stollenmayer นักพัฒนาที่ทำงานคนเดียวใน App Store กล่าว Stollenmayer ที่เกมล่าสุดของเขา "Song of Bloom" ชนะรางวัล Apple Design Award ในเดือนมิถุนายน 2020 รู้สึกว่า iPhone จะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมเพราะยังใหม่และต้องใช้มาตรฐานเป็นของตัวเอง เมื่อเกมแรกของเขา "What the Frog" เปิดตัวบน App Store ในปี 2013 และชนะรางวัล German Multimedia Prize (mb21) เขาก็รู้ว่าเขามีเป้าหมายอะไร
"ผมเห็นความเป็นไปได้มากมาย แล้วก็เห็นว่าการเปิดตัวอะไรสักอย่างสู่สาธารณชนนี่ง่ายแค่ไหน" Stollenmayer กล่าว "ผมมีโอกาสกำหนดการทำงานของเกมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และสร้างความแตกต่างจากบนคอนโซล ด้วยเกมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณจะสามารถใช้โทรศัพท์ในแบบที่เป็นส่วนตัวกว่าเดิมมาก ผมใส่คุณสมบัตินั้นลงไปในเกมแล้วก็ทำให้มันแอคทีฟเหมือนกับเกมเพลย์ ซึ่งนับว่าดีกว่าพยายามสร้างโลกในเกมที่อาจแสดงผลได้ไม่ดีบนหน้าจอขนาดเล็ก”
“Song of Bloom” ที่แสดงบน iPhone 12
“Song of Bloom” จากนักพัฒนาอิสระ Philipp Stollenmayer คือเกมปริศนาที่ได้รับรางวัล Apple Design Award ประจำปี 2020
โครงสร้างค่าคอมมิชชันใหม่ของ App Store ทำให้นักพัฒนารายเล็กและรายย่อยที่มีรายได้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีปฏิทินมีสิทธิ์รับค่าคอมมิชชั่นลดลง 15% ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าคอมมิชชั่นมาตรฐานของ App Store นั่นหมายความว่าธุรกิจขนาดเล็กและนักพัฒนาจะมีเงินทุนมากขึ้นเพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจ ขยายกำลังคน และพัฒนาคุณสมบัติล้ำหน้าใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้แอพทั่วโลก Stollenmayer ตื่นเต้นกับเกมในยุคใหม่ๆ ที่จะเข้ามาใน App Store จากผู้ที่ไม่เคยออกแบบเกมมาก่อน “ผมสนใจเกมจากผู้ที่ไม่เคยทำเกมมาก่อนมากที่สุด เพราะพวกเขาน่าทึ่งมากๆ” เขากล่าว “คุณสามารถเผยแพร่อะไรสักอย่างบน iPhone ได้ง่ายกว่าบนคอนโซลมากๆ โดยที่ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย นี่แหละคือโอกาสที่วิเศษสุดๆ สำหรับสตูดิโออิสระที่ไม่อยากรับความเสี่ยงอะไรเลย”
Fares Ksebati และ Adam Oxner ผู้ร่วมก่อตั้ง MySwimPro
Fares Ksebati (ซ้าย) และ Adam Oxner ผู้ร่วมก่อตั้ง MySwimPro แอพโค้ชสอนว่ายน้ำส่วนตัวและแอพคู่หู Apple Watch รู้สึกดีใจที่จะได้นำรายได้เพิ่มเติมจากโปรแกรมธุรกิจขนาดเล็กของ App Store ใหม่ ไปใช้ลงทุนเพื่อพัฒนาแอพให้ดียิ่งขึ้นอีกสำหรับชุมชนนักว่ายน้ำ
นอกเหนือจากโลกแห่งเกมแล้ว ทีมที่อยู่เบื้องหลังแอพ MySwimPro ก็รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสทำให้บริษัทเติบโตและเสนอขายแอพได้มากขึ้นโดยที่มีความเสี่ยงน้อยลง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะรายได้เพิ่มเติมจากโปรแกรม App Store ใหม่ ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสอง Fares Ksebati และ Adam Oxner เกิดและเติบโตในมิชิแกนและเป็นนักว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยที่ผ่านการแข่งขันว่ายน้ำท่ากบ 100 เมตรมาก่อน (แต่ไม่ได้แข่งกันเอง) ความสนใจที่เหมือนกันทำให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันและร่วมกันสร้างแพลตฟอร์มที่จำลององค์ประกอบของการฝึกสอนว่ายน้ำเพื่อเป้าหมายด้านการออกกำลังกายและการพัฒนาความสามารถได้สำเร็จ
“Adam และผมรวมถึงทุกคนในทีมของเราว่ายน้ำได้ดีพอสมควร” Ksebati ซึ่งเป็นหนึ่งใน CEO ของ MySwimPro กล่าว “พวกเราพยายามสร้างชุมชนสำหรับผู้ที่ใช้แอพนี้ เพราะการว่ายน้ำเป็นหนึ่งในสิ่งผู้คนทุกช่วงวัยสามารถทำได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก และเราก็ถือเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เราเป็นเจ้าของเองด้วยในหลายๆ ด้าน”
ตอนที่ COVID-19 ระบาดและสระว่ายน้ำเริ่มปิดตัวลงทั่วโลก Ksebati และ Oxner ได้ตัดสินใจเพิ่มการออกกำลังกายบนบกลงในแอพโค้ชสอนว่ายน้ำเสมือนจริงของพวกเขาสำหรับผู้ใช้งาน 50,000 คนซึ่งเป็นนักว่ายน้ำในระดับต่างๆ
“ผู้ใช้มักจะส่งคำขอการออกกำลังกายบนบกเข้ามาตลอดอยู่แล้ว เมื่อ COVID-19 ระบาด นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนของเรา” Oxner ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ MySwimPro กล่าว “เราก็เลยสร้างแพลตฟอร์มที่เหมือนกับการว่ายน้ำนั่นแหละ แต่เป็นการออกกำลังกายบนบกแทน”
แอพ MySwimPro แสดงบน iPhone 12 และ Apple Watch Series 6
MySwimPro ที่เปิดตัวในปี 2015 มีผู้ใช้ปัจจุบัน 50,000 คนที่เป็นนักว่ายน้ำที่มีทักษะระดับต่างๆ กัน
Ksebati กล่าวว่า "เราเลือกที่จะเพิ่มการฝึกฝนบนบกลงในประสบการณ์การฝึกสอนของเราเพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง" "เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การฝึกสอนแบบองค์รวมให้กับสมาชิกชุมชนของเราต่อไปไม่ว่าพวกเขาจะไปที่สระว่ายน้ำได้หรือไม่"
หลังจากที่ใช้เวลาห้าปีไปกับการสร้างแอพที่ตอนแรกเป็นเพียงโปรเจกต์รอง Ksebati และ Oxner ได้พัฒนา MySwimPro ให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จโดยมีสมาชิกทีม 12 คนจากทั่วโลก และพวกเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาแอพในขั้นต่อไป Oxner กล่าวว่า "โปรแกรม App Store ใหม่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเราอย่างมากจากการซื้อแอพใน App Store และเราก็หวังว่าจะได้ใช้เงินนั้นมาปรับปรุงแอพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก" "เราต้องการพัฒนาการประสานรวมการออกกำลังกายบนบกเข้ากับแอพให้ดียิ่งขึ้นอีก เพื่อช่วยนักว่ายน้ำที่ไม่สามารถไปสระว่ายน้ำได้ในตอนนี้"
Samantha John ผู้ร่วมก่อตั้ง Hopscotch
Samantha John ผู้ร่วมก่อตั้ง Hopscotch กำลังจะเปิดตัวคุณสมบัติมากมายให้เด็กๆ ได้ใช้งานฟรี รวมถึงรับรายได้เสริมจากโปรแกรมช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กของ App Store ใหม่
Samantha John ผู้ร่วมก่อตั้ง Hopscotch ซึ่งเป็นแอพสอนภาษาการเขียนโค้ดแอพแรกที่ออกแบบมาเพื่อ iPad เล็งเห็นว่าโปรแกรม App Store ใหม่คือโอกาสที่จะทำให้เด็กๆ ได้ใช้งานแอพ Hopscotch ได้หลากหลายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงิน John กล่าวว่า "จริงๆ แล้วเรายังได้ลองเสี่ยงทำในสิ่งที่เราอยากจะทำแต่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน" "โดยเฉพาะในเรื่องของการสมัครสมาชิก... ฉันคิดว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการหาเงิน แต่จะไปจำกัดปริมาณผู้ใช้แอพแทน และเราก็ไม่อยากเก็บเงินมาโดยตลอด และต้องการให้ผู้คนใช้งานแอพทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นแบบฟรีๆ โดยหวังว่ายิ่งเราไม่คิดถึงเรื่องเงินมากเท่าไหร่ ก็น่าจะทำให้แอพ Hopscotch มีสมาชิกที่จะอยู่กับเราไปนานๆ มากขึ้น"
Hopscotch เริ่มแรกเป็นแอพสอนการเขียนโปรแกรมให้กับเด็กๆ ที่ไม่เคยอยากลองเขียนมาก่อน โดยแอพนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ John และผู้ก่อตั้งร่วม Jocelyn Leavitt ผู้ที่เข้าร่วมชั้นเรียนนักธุรกิจหญิงที่เปิดสอนเป็นครั้งแรกของ Apple Entrepreneur Camp ในปี 2019
John กล่าวว่า "หลักการสำคัญที่ขับเคลื่อน Hopscotch ก็คือเราต้องการที่จะให้ความสำคัญกับเด็กๆ ในฐานะผู้สร้างสรรค์ ครีเอเตอร์ และศิลปิน "เรามองเด็กๆ แบบนั้นจริงๆ และพวกเขาก็ยังเป็นนักเขียนโค้ดได้อีกด้วย และนั่นคือแนวคิดหลักของ Hopscotch ค่ะ เรามุ่งมั่นหาวิธีที่จะทำให้เด็กๆ สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมายและมีความสำคัญกับพวกเขา"
แอพ Hopscotch แสดงอยู่บน iPad Air
Hopscotch เป็นภาษาสำหรับการเขียนโค้ดแรกที่ออกแบบมาเพื่อ iPad เมื่อแอพเปิดตัวในปี 2013
John มองเห็นถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ในการทำให้การเขียนโปรแกรมง่ายสำหรับเด็กมากยิ่งขึ้นหลังจากการเปิดตัว iPad รุ่นที่ 2 "iPad และหน้าจอสัมผัสเป็นอะไรที่น่าดึงดูดมาก โดยคุณสามารถถือไว้ในมือทำให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นและมีความน่าสนใจที่มากกว่า"
ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2013 จนถึงปัจจุบัน Hopscotch มีผู้ใช้งานในแต่ละเดือนถึง 200,000 คน John มองผู้ใช้ประจำของ Hopscotch ในฐานะนักสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดีที่สุด หลังจากเล็งเห็นถึงวิธีการที่เด็กๆ สร้างสรรค์และแชร์เครื่องมือการสร้างสรรค์และเกมของตนเองในแอพ และในเดือนมกราคม 2021 ที่โครงการสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน App Store จะมีผลนั้น John พร้อมที่จะใส่คุณสมบัติเพิ่มเติมลงไปในแอพฟรีๆ
"Hopscotch ไม่ได้เป็นแค่เกม และก็ไม่ได้เป็นแค่แอพด้วย" John กล่าว "แต่เป็นทักษะ กระบวนการอันสร้างสรรค์ เหมือนกับที่เด็กๆ บางคนเล่นไวโอลิน และเมื่อเด็กๆ โตขึ้น พวกเขาก็จะเข้าใจถึงตัวเกมดีขึ้นและสร้างสรรค์ความสนุกได้ดีกว่า เรียกได้ว่า Hopscotch เป็นการลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง การมีผลตอบแทนเพิ่มเติมไว้แม้เพียงเล็กน้อย จะช่วยให้เราสามารถลงทุนในสิ่งต่างๆ ที่เราเชื่อว่าจะกลายเป็นส่วนสำคัญต่ออนาคตของบริษัทเราได้อย่างแท้จริง
แชร์บทความ

ภาพเหล่านักพัฒนาอินดี้ในโครงการสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน App Store ใหม่

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com