แหล่งข้อมูลด้านความปลอดภัยของเด็กๆ

พูดคุยกับทั้งเด็กๆ วัยแรกรุ่น และวัยรุ่นเกี่ยวกับการแชร์รูปภาพและวิดีโอ

ที่ไม่เหมาะสม

มีการสนทนากันอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับความเสี่ยงของการแชร์รูปภาพและวิดีโอที่ไม่เหมาะสม

การพูดคุยกับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นเป็นประจำเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแชร์รูปภาพและวิดีโอโป๊เปลือยหรือที่มีเนื้อหาทางเพศที่ไม่เหมาะสม (ที่เรียกกันว่า Sexting) อาจช่วยป้องกันปัญหาเช่นการเผยแพร่รูปภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการกล่าวถึงประเด็นนี้ด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่งและกลับมาทบทวนหัวข้อดังกล่าวกันอย่างสม่ำเสมอ 

หากมีเด็กหรือวัยรุ่นมาบอกกับคุณว่าตนเองได้รับหรือได้ส่งรูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือยหรือที่มีเนื้อหาทางเพศที่ไม่เหมาะสม ให้คุณโต้ตอบพวกเขาด้วยท่าทีสงบ และโฟกัสไปที่การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการจากคุณ พร้อมแสดงความชื่นชมเด็กๆ ถึงความกล้าหาญในการเปิดเผยเรื่องราวกับคุณ และสร้างความมั่นใจกับพวกเขาว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี จากนั้นก็ลงมือร่วมแก้ปัญหากับเด็กๆ เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

หมายเหตุ: อุปกรณ์ของเด็กๆ อาจเบลอรูปภาพหรือวิดีโอที่มีความโป๊เปลือยในแอปบางแอปของ Apple ซึ่งคุณสามารถพูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับคุณสมบัตินี้และสิ่งที่ควรทำหากพวกเขาเห็นรูปภาพหรือวิดีโอที่ถูกเบลอ

    • อธิบายว่ารูปภาพและวิดีโอที่แสดงส่วนต่างๆ ในร่างกายที่เป็นของสงวน (ส่วนที่ชุดชั้นในหรือชุดว่ายน้ำปกปิดอยู่) เป็นสิ่งที่ไม่ควรแชร์ออกไป
    • ส่งเสริมให้เด็กๆ มาปรึกษาคุณหากพวกเขาได้รับรูปภาพหรือวิดีโอที่ถูกเบลอหรือทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
    • หากเด็กๆ มาปรึกษาคุณพร้อมกับรูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสม หรือคุณเห็นสิ่งเหล่านี้บนอุปกรณ์ของพวกเขา ให้คุณโต้ตอบพวกเขาด้วยท่าทีสงบและพูดคุยถึงสาเหตุว่าทำไมคุณถึงรู้สึกว่ารูปภาพหรือวิดีโอนั้นอาจไม่เหมาะสม รวมทั้งขอบคุณเด็กๆ ที่นำเรื่องนี้มาแจ้งให้คุณทราบหรือพูดคุยกับคุณในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา จากนั้นให้ช่วยกันหาทางลบรูปภาพหรือวิดีโอดังกล่าว
    • แม้ว่าความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับร่างกายอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ให้พิจารณาขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหากเด็กแสดงความสนใจซ้ำๆ หรือมากเกินไปในเรื่องความโป๊เปลือยและในเรื่องเพศ
    • วัยรุ่นจำเป็นต้องตระหนักว่ามีเหล่าอาชญากรที่แสร้งทำตัวเป็นวัยรุ่นและเสนอให้แลกเปลี่ยนรูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือยหรือที่มีเนื้อหาทางเพศที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเหล่าอาชญากรจะใช้รูปภาพหรือวิดีโอเหล่านี้เพื่อบังคับข่มขู่ทางเพศ (Sextortion) โดยขู่ว่าจะโพสต์หรือเผยแพร่รูปภาพหรือวิดีโอดังกล่าวหากตนไม่ได้รับเงินหรือผลประโยชน์ในทางเพศ
    • หากคุณทราบว่าวัยรุ่นในความดูแลของคุณได้รับหรือส่งรูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย ให้คุณสงบจิตใจและพยายามประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากรูปภาพหรือวิดีโอดังกล่าวถูกส่งหรือได้รับโดยที่ตัววัยรุ่นเองไม่ได้ร้องขอ นั่นอาจทำให้เขารู้สึกวิตกกังวล ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นผลพวงจากการถูกระรานหรือการคุกคามก็ได้
    • มีหลายกรณีที่มีการแชร์รูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือยออกไปเพราะถูกกดดัน นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้รับเป็นผู้แชร์หรือเผยแพร่รูปภาพหรือวิดีโอโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบุคคลที่เป็นคนเริ่มส่งภาพนั้น ซึ่งหากเป็นการแชร์โดยไม่ได้รับความยินยอมหรือมีผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ให้พิจารณาติดต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
    • พูดคุยกับวัยรุ่นอย่างนุ่มนวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการส่งหรือรับรูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย เช่น วันหนึ่งผู้รับอาจแชร์ภาพหรือวิดีโอเหล่านี้ออกไปไม่ว่าโดยเจตนาหรือบังเอิญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความอับอาย ถูกระราน หรือมีความเสียหายอื่นๆ
    • สิ่งสำคัญคือการเน้นย้ำให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเข้าใจว่า แม้จะเป็นเรื่องน่าอายหากมีการเผยแพร่รูปภาพหรือวิดีโอเหล่านี้ออกไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ยังมีคนที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ รวมถึงตัวคุณด้วย และสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายได้ด้วยดี

ดูเพิ่มเติม

เคล็ดลับที่จะช่วยให้เด็กๆ ออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย

การทำกิจกรรมออนไลน์ของเด็กๆ และวัยรุ่นให้ปลอดภัยและเป็นไปในทางที่ดี

ปฏิบัติดังนี้เพื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย

  • คุณรู้จักเด็กๆ ของคุณดีกว่าใคร สิ่งที่ใช้ได้ผลกับเด็กบางคนอาจใช้ไม่ได้กับเด็กคนอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ ระดับวุฒิภาวะ และปัจจัยอื่นๆ
  • แสดงความสนใจในแอปที่เด็กๆ ใช้และเว็บไซต์ที่พวกเขาเข้าชม เพราะการทำความรู้จักกับแอปและเกมโปรดของเด็กๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจแพลตฟอร์ม การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และเหตุผลที่พวกเขาชื่นชอบแอปและเกมเหล่านั้น
  • การสื่อสารคือหัวใจสำคัญ คุณต้องสร้างบทสนทนาที่ไม่ใช่การสั่งสอน และสร้างความมั่นใจให้เด็กๆ ว่าพวกเขาสามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณได้ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆ ก็ตาม พร้อมทั้งทำให้พวกเขารู้ว่าคุณจะไม่แสดงปฏิกิริยาที่เกินกว่าเหตุ และการปกป้องพวกเขาคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการลงโทษ 
  • พูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว รวมถึงความสำคัญของการใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกับใคร ตลอดจนเครื่องมือสำหรับการยืนยันตัวตนอื่นๆ เช่น การจำลายนิ้วมือหรือใบหน้า
  • อธิบายให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเข้าใจถึงความเสี่ยงต่างๆ เช่น การเผยแพร่รูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย หรือรูปภาพหรือวิดีโอส่วนตัวที่แสดงถึงนัยยะทางเพศ ตลอดจนการระราน การให้ข้อมูลที่ผิด และการทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงการสนทนาสั้นๆ แต่ควรมีการกลับมาทบทวนกันอยู่เป็นระยะ รวมถึงเน้นย้ำกับพวกเขาว่าหากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น คุณก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเสมอ
  • พิจารณาใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การใช้คุณสมบัติเวลาหน้าจอเพื่อตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ของเด็กๆ โดยให้ถือว่าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้อย่างหนึ่งและกลับมาทบทวนการควบคุมต่างๆ เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

การล่อลวงทางเพศ

การระบุพฤติกรรมการล่อลวงและพูดคุยกับเด็กและวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้

การล่อลวง เป็นกลวิธีที่ผู้ล่วงละเมิดใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่น เพื่อหลอกใช้ แสวงหาผลประโยชน์ และทำร้าย โดยผู้ล่วงละเมิดอาจทำการผูกมิตรกับเด็กเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจทีละน้อยโดยมีเจตนาที่ต้องการจะล่วงละเมิด

บุคคลที่ล่อลวงทางเพศเด็กนั้นมักจะมีความอดทน เพียรพยายาม และมีความสามารถในการหลอกใช้ และในบางครั้งผู้ที่ล่อลวงทางเพศกลุ่มเด็กและวัยรุ่นทางออนไลน์ก็รู้จักกับเด็กและวัยรุ่นเหล่านี้เป็นการส่วนตัวด้วย

การสนทนาที่เหมาะสมกับอายุเด็กเกี่ยวกับการล่อลวงก็เป็นการป้องกันทางหนึ่ง รวมถึงการสร้างความมั่นใจแก่เด็กๆ ว่าหากพวกเขาถูกล่อลวง นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย

การสื่อสารอย่างเปิดเผยก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะการปกป้องกลุ่มเด็กและวัยรุ่นจากการล่อลวงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้พวกเขาพัฒนาระบบเตือนภัยของตนเอง และรู้สึกสบายใจที่จะแจ้งให้คุณทราบเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

  • แม้ว่าสัญญาณเหล่านี้จะไม่ได้เชื่อมโยงกับการล่อลวงเสมอไป แต่ผู้ปกครองเองก็อาจคอยสังเกตว่าเด็กๆ มีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่

    • มีความลับเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำทางออนไลน์
    • ปิดบัง ซ่อนเร้น หรือปิดอุปกรณ์อย่างรวดเร็วเมื่อมีคนเดินเข้ามาในห้อง
    • มีของขวัญ เงิน ยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสิ่งของมีค่าอื่นๆ ที่ไม่สามารถอธิบายที่มาได้
    • ออนไลน์ในช่วงดึกหรือในช่วงเวลาผิดปกติ
    • ดูว้าวุ่น หดหู่ โกรธ หรือหวาดกลัว

    สอบถามพูดคุยกับเด็กว่าพบบุคคลในออนไลน์มีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่

    • เสนอของขวัญให้แก่พวกเขา
    • พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโรแมนติก ความรัก หรือความสัมพันธ์ทางเพศ
    • ส่งหรือขอรูปภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย หรือที่มีเนื้อหาทางเพศไม่เหมาะสม
    • ชวนพวกเขาให้ร่วมบทสนทนาที่มีความเป็นส่วนตัวสูงอย่างไม่เหมาะสม
    • ขอให้พวกเขาเก็บความลับ
    • พยายามแยกพวกเขาออกจากเพื่อนๆ หรือครอบครัว
    • ขอให้พวกเขาไปคุยต่อในแพลตฟอร์มอื่น
  • ไม่ว่าเด็กจะอายุเท่าไหร่ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบได้ว่าเด็กถูกล่อลวงทางออนไลน์หรือไม่และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก็คือการพูดคุยกับพวกเขา

    • สอบถามพูดคุยกับเด็กหรือวัยรุ่นเป็นประจำเกี่ยวกับประสบการณ์ออนไลน์ของพวกเขา
    • อธิบายว่ามีกลุ่มคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือทำร้ายเด็กและวัยรุ่น โดยคนเหล่านี้อาจแสร้งทำตัวเป็นมิตรและขอให้พวกเขาทำในสิ่งที่ไม่ปลอดภัย
    • สัญญาว่าจะไม่โกรธหากพวกเขาบอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีหรือหากพวกเขาได้ทำอะไรผิดพลาดลงไป เพราะผู้ที่ล่อลวงจะอาศัยความกลัวการถูกลงโทษเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนรายงานการล่วงละเมิด
    • สร้างข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับกฎและขอบเขตว่าเมื่อไหร่คือเวลาที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมในการติดต่อทางออนไลน์กับคนที่ไม่รู้จัก รวมถึงพิจารณาใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คุณสมบัติเวลาหน้าจอ เพื่อช่วยในการดูแลการใช้เทคโนโลยีของเด็ก
    • อธิบายให้เด็กทราบอย่างชัดเจนถึงวิธีรายงานผู้คนและบล็อคหรือปิดเสียงบัญชีในแอปที่พวกเขาใช้
    • พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์
    • อธิบายให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจนว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่ควรและไม่ควรแชร์ทางออนไลน์และเพราะเหตุใด
    • ช่วยเด็กแยกแยะความแตกต่างระหว่างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับปฏิสัมพันธ์ที่อาจเป็นปัญหาหรืออันตราย รวมถึงการทำให้พวกเขารู้ว่าถ้ามีใครทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกเขาสามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคุณได้

    การพูดคุยกับเด็กเล็กเกี่ยวกับการล่อลวง

    • เรียกชื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างถูกต้อง และอธิบายว่าส่วนใดของร่างกายที่เป็นของสงวนและเพราะเหตุใด
    • ไม่สนับสนุนให้ติดต่อสื่อสารกับผู้ใหญ่ที่พวกเขาไม่รู้จัก
    • พูดคุยถึงความแตกต่างระหว่างความลับทั่วไปที่มีได้ เช่น การไม่บอกใครเกี่ยวกับงานปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ กับความลับที่ไม่ควรมี เช่น การไม่บอกผู้ใหญ่ที่ไว้วางใจเมื่อพวกเขารู้สึกหวาดกลัวหรือถูกคุกคาม

    การพูดคุยกับเด็กโตหรือวัยแรกรุ่นเกี่ยวกับการล่อลวง

    • ฝึกให้พวกเขาเล่าเรื่องที่น่าอึดอัดใจให้คุณฟัง และชมเชยที่ยอมเล่าและทำให้พวกเขารู้ว่าคุณพร้อมจะช่วยเหลือ
    • ทำความเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีความเปราะบางไม่เท่ากัน

    การพูดคุยกับวัยรุ่นเกี่ยวกับการล่อลวง

    • สนทนากันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการล่อลวงในรูปแบบที่จะไม่ก่อให้เกิดความหวาดกลัว
    • เตือนพวกเขาว่าไม่ใช่ทุกคนจะแสดงตัวตนที่แท้จริงหรือมีเจตนาดีต่อพวกเขาเสมอไป
    • ทำความเข้าใจว่าวัยรุ่นอาจมีความสนใจและอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศ และทำให้พวกเขารู้ว่าสามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณได้หากพบกับสิ่งใดก็ตามที่เป็นการคุกคาม
    • เตือนพวกเขาว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเพิกเฉย รายงาน และบล็อคใครก็ตามที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจได้
    • อธิบายว่าสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาแชร์ทางออนไลน์อาจถูกคัดลอกและแชร์ให้กับคนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าโดยบังเอิญหรือโดยเจตนา

    จำไว้ว่าคุณรู้จักเด็กๆ ของคุณดีที่สุด วิธีที่คุณจะใช้จัดการกับหัวข้อยากๆ ควรขึ้นอยู่กับอายุ ระดับวุฒิภาวะ และปัจจัยอื่นๆ ของเด็กๆ รวมถึงความเปราะบางและสภาวะทางอารมณ์ของพวกเขาด้วย

    พวกเขาอาจลังเลที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางออนไลน์และอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกล่อลวงอยู่ ดังนั้นควรสร้างความมั่นใจกับพวกเขาว่าถ้ามีคนมาล่อลวง นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย

การรับมือกับการระรานทางไซเบอร์

วิธีระบุพฤติกรรมและให้ความช่วยเหลือเด็กๆ หรือวัยรุ่น 

การระรานทางไซเบอร์ คือการระรานที่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต ซึ่งอาจเกิดขึ้นผ่านทางข้อความ แอปส่งข้อความ แชท อีเมล เกมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย การสตรีมสด รูปภาพ และวิดีโอต่างๆ โดยทั่วไปแล้วการระรานหมายถึงการล่วงละเมิดทางวาจาหรือทางกายอย่างก้าวร้าวและซ้ำๆ ในสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามในรูปแบบใด รวมถึงการหมิ่นประมาท ภัยคุกคาม การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น การแพร่ข่าวลือ และการกีดกัน ทั้งหมดนี้สามารถสร้างผลกระทบในเชิงลบที่คล้ายคลึงกัน เช่นเดียวกับภาพที่มีความโป๊เปลือยก็อาจถูกนำมาใช้ในการระรานได้เช่นกัน ซึ่งบ่อยครั้งที่การระรานทางไซเบอร์มักเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการระรานทางร่างกายในโรงเรียนหรือในชุมชน

เวลาที่เด็กๆ กำลังถูกระรานทางไซเบอร์นั้นอาจไม่สามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนเสมอไป และพวกเขาก็อาจไม่ได้บอกคุณ และถึงแม้ว่าสิ่งนั้นอาจไม่ใช่สัญญาณของการระรานทางไซเบอร์ คุณก็ควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดหากเด็กๆ มีปัญหาในการนอนหลับ ไม่อยากไปโรงเรียน แสดงออกว่าตนเองรู้สึกด้อยคุณค่า หรือแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมออนไลน์ที่เปลี่ยนไป เช่น เข้าใช้งานบัญชีโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง หรือหลบเลี่ยงอุปกรณ์ของตนเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ

เด็กคนไหนก็สามารถถูกระรานทางไซเบอร์ได้ทั้งนั้น แต่เด็กบางคนอาจมีความเปราะบางมากกว่าคนอื่นๆ รวมถึงสมาชิกของกลุ่มคนชายขอบ เช่น ชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติหรือศาสนา เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านต่างๆ เยาวชน LGBTQ+ หรือใครก็ตามที่มีรูปลักษณ์หรือการแสดงออกที่แตกต่าง

การสนทนาสั้นๆ กับเด็กๆ เป็นประจำเกี่ยวกับประสบการณ์ออนไลน์ของพวกเขาสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้ามาหาคุณมากขึ้นเมื่อเผชิญกับการระรานทางไซเบอร์ นอกจากนี้สิ่งสำคัญก็คือเด็กต้องเข้าใจว่าหากการระรานเกิดขึ้นกับพวกเขา นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย และมีคนที่สามารถช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้

    • สงบจิตใจ อย่าแสดงปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุ และอย่าตำหนิพวกเขา โดยมากแล้วการยึดอุปกรณ์ของเด็กไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
    • เริ่มต้นด้วยการรับฟัง ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นและเรื่องนี้ทำให้เด็กรู้สึกอย่างไร รวมทั้งเป็นกำลังใจให้
    • หากมีคนส่งภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งทำให้เด็กๆ ไม่สบายใจ คุณสามารถแนะนำพวกเขาได้ว่าอย่าโต้ตอบ
    • แนะนำให้เด็กๆ ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การบล็อคหรือการปิดเสียงบัญชี รวมทั้งรายงานเนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
    • พูดคุยถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะยุติการระรานทางไซเบอร์ และนึกถึงวิธีที่คุณสามารถช่วยเยียวยาให้เด็กๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้น
    • เปิดโอกาสให้เด็กๆ เข้าร่วมในการหารือและวางแผนเพื่อหาทางออก เพราะการระรานทางไซเบอร์มักก่อให้เกิดการสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ทางสังคม และการให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมจะช่วยจัดการปัญหานั้นได้
    • เมื่อมีข้อสงสัย ให้ขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาโรงเรียน ผู้สอน หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ
    • บางครั้งผู้ปกครองอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการโต้ตอบต่อสาธารณะ ดังนั้นการโต้ตอบต่างๆ ควรผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี
    • หากผู้ที่ระรานทางไซเบอร์ต่อเด็กๆ ของคุณเป็นเด็กเช่นกัน ให้ประสานงานกับผู้ปกครองและผู้มีอำนาจของโรงเรียนเพื่อจัดการกับพฤติกรรมของเด็กคนดังกล่าว
  • ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะการระรานทางไซเบอร์อาจบ่งชี้ว่าเด็กกำลังมีปัญหาและอาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่า โดยก่อนที่คุณจะกำหนดบทลงโทษสำหรับพฤติกรรมนั้น ให้ค้นหาสาเหตุว่าทำไมเด็กจึงมีความร้ายกาจหรือแสดงออกอย่างก้าวร้าว

    สาเหตุเบื้องลึกนั้นมีหลากหลายแต่อาจประกอบด้วยสาเหตุต่อไปนี้

    • การพยายามปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเพื่อนที่เป็นผู้ระรานทางไซเบอร์
    • เกิดความวิตกกังวล โกรธ ซึมเศร้า ขาดการควบคุม หงุดหงิด หรือเครียด
    • กำลังถูกระรานทางไซเบอร์เช่นกัน
    • มีความต้องการควบคุมสิ่งต่างๆ
    • กำลังเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
    • ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงผลกระทบด้านลบของพฤติกรรมการระรานทางไซเบอร์

    หากเด็กๆ ของคุณกำลังระรานทางไซเบอร์ผู้อื่น ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ที่เขาไว้วางใจสามารถทำดังนี้

    • ค้นหาว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กเพื่อประเมินสาเหตุของการระรานทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น รวมถึงพิจารณาสภาวะทางอารมณ์ กลุ่มเพื่อน และปัจจัยอื่นๆ ของเด็ก
    • พูดคุยกับเด็กและอธิบายว่าการระรานทางไซเบอร์นั้นอาจส่งผลร้ายต่อผู้อื่นและตัวเด็กเองอย่างไรได้บ้าง และทำไมจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม รวมถึงบอกให้พวกเขาทราบถึงความสำคัญของการมีจิตใจที่ดี การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร
    • พิจารณาการเข้าไปพูดคุยกับที่ปรึกษาของโรงเรียนหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เพื่อขอคำแนะนำและกลยุทธ์ต่างๆ
    • บอกให้พวกเขารู้ว่าการระรานทางไซเบอร์จะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง
    • ระดมความคิดเพื่อหาวิธีที่จะให้เด็กๆ สามารถแก้ไขความผิดของเขาต่อผู้ที่ถูกพวกเขาทำร้ายได้

รับความช่วยเหลือด้านสุขภาพอารมณ์และสุขภาพจิต

หากคุณต้องการติดต่อผู้ให้คำปรึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมในทันที Childline Thailand พร้อมให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำสำหรับเด็กและวัยรุ่นฟรีตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอดทั้งปี

ไปที่ Childline Thailand Foundation - มูลนิธิสายเด็ก 1387 เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

รายงาน

คุณสามารถรายงานรูปภาพที่ไม่เหมาะสมได้ที่สายด่วนของไทย

ไปที่ ThaiHotline เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม